<<< We ArE .. .*MVP* >>>

2551-09-17

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวเจนธิดา พานิชพันธ์
รหัส 4819099


ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา


ในปัจจุบันเทคโนโลยีดูจะเป็นสิ่งจำเป็น ในชีวิตประจำวันของชาวโลกาภิวัตน์ไปแล้ว และด้วยความสะดวกสบายนี้เอง จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้แบบอิเล็กทรอนิกส์ ต่างหากลยุทธ์ผลิตสินค้าใช้สะดวก เพื่อตอบสนองความอยากสบายออกมาให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม เราควรคำนึงถึงว่าสิ่งไหนที่ให้ที่เอื้อความสะดวกสบายให้กับเรามาก สิ่งนั้นก็ย่อมจะมีพิษภัยตามมาด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในชีวิตประจำวันหรือแม้แต่การทำงาน ผู้ที่ทำงานออฟฟิศ บ่อยครั้งที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละไม่ต่ำกว่า 6-8 ชม. จึงมีข้อสันนิษฐานว่า พบว่า มีผู้ที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ถึงกับ “ช็อก” มาแล้ว สาเหตุมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่รังสีออกมาบางคนก็ประสาทตาเสีย มีอาการปวดศีรษะปวดตา อาเจียน เพราะโมเลกุลในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดภาวะแรงตังผิวเพิ่มขึ้นมากหรืออาจร้ายแรงถึงขั้นสามารถเป็นมะเร็งในเม็ดโลหิต มะเร็งสมอง มะเร็งทรวงอก เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีอันตรายจากอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือสามารถแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาได้ และเป็นรังสีชนิดเดียวกับเตาไมโครเวฟ ซึ่งเป็นคลื่นความร้อนทำลายเซลล์ดีหลายชนิด เพียงแต่มีปริมาณรังสีที่น้อยกว่าเตาไมโครเวฟ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ภายในบ้านเรือนอื่น ๆ ที่มีคลื่นแม่เหล็ก เช่นการใช้เครื่องเป่าผม คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เตาไมโครเวฟและการอาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่มีสายไฟฟ้าแรงสูง จะทำให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันได้ในที่สุด



จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นๆสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้การเพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงรู้จักใช้อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างชาญฉลาด จะช่วยให้เราได้รับความปลอดภัยและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างสูงสุด

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวเจนธิดา พานิชพันธ์
รหัส 4819099


โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะมีขนาดเล็กลงและหมุนเร็วขึ้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะคอยใคร ด้วยพลังขับเคลื่อนของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ที่ไม่มีระยะทางและเวลาเป็นตัวกำหนด การแข่ง ขันมีมากขึ้น ประเทศที่เข้มแข็งและมีความสามารถทางปัญญาเท่านั้นที่จะอยู่รอด สำหรับโลกใบนี้ เราจำเป็นต้องก้าวให้เร็วและเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความเร็วของตนเอง และเอาชนะความเร็วของกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก หรืออย่างน้อยก็ไปพร้อมกับความเร็วที่เคลื่อนไป


e-Government เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 โดยประมวลภาพจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 พ.ศ. 2545-2549 กับ กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2544-2553 หรือ IT 2010 เพื่อให้สอดคล้องและสามารถนำไปสู่ภาคปฏิบัติ ในระยะ 5 ปี โดยมีเป้าหมายปี 2545-2547 ระบบสารสนเทศภายในหน่วยงาน (Back Offices) ระดับกรมต้องเสร็จสิ้น และหลังปี 2547 ระบบบริการประชาชน (Front Offices) ควรจะเชื่อมโยงเครือข่ายและให้บริการประชาชนได้ หลายหน่วยงานได้ปรับระบบบริการที่ดีขึ้น จากที่เราท่านได้สัมผัสถึงแม้หลายหน่วยงานยังไม่สามารถเดินไปตามแผนด้วยปัจจัยที่ยังไม่เอื้ออำนวยก็ตาม แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี นอกจากนี้e-Government เป็นยุทธศาสตร์ในการก้าวไปสู่การพัฒนาประเทศโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่จะให้บรรลุผล ถ้าจะแปลกันตรงตัวก็คือ ”รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์” เพราะ “e” ย่อมาจาก electronic เป็นการนำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ มาปฏิรูประบบงานภาครัฐ เพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ สนองความต้องการของประชาชน และการปรับปรุงคุณภาพชีวิต ให้เป็นสังคมดิจิตอล (Digital Society) ที่ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ท่านลองคิดดูว่าเมื่อบัตรประชาชนหมดอายุ ท่านต้องเดินทางไปที่อำเภอตามภูมิลำเนาเดิมเพื่อทำบัตรใหม่ ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ถ้าระบบเครือข่ายฐานข้อมูลสมบูรณ์ ท่านสามารถทำบัตรได้จากทุกที่ทำการทั่วประเทศ ตัวอย่างถัดไป ถ้าท่านจะประ กอบธุรกิจ ระบบเครือข่ายสารสนเทศสามารถตอบสนองท่านได้ ว่ามีกี่ขั้นตอน ลำดับขั้นการติดต่อ ว่าท่านจะ ต้องติดต่อขออนุมัติจากหน่วยงานใดบ้าง แหล่งวัตถุดิบจากที่ไหน ตลาดที่รองรับ แหล่งการเงินจากที่ใด กฎหมายที่เกี่ยวข้องและระบบภาษี เป็นอย่างไร ท่านสามารถใช้ระบบจากเครือข่ายที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลของแต่ละหน่วยงานโดยมี e-Government เป็นศูนย์กลางและอำนวยความสะดวก เพื่อทำธุรกรรมจากเครื่องคอมพิว เตอร์ ได้ทันทีจากจุดเดียวหรือที่เรียกกันว่า One stop services เป็นต้น

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมากในการช่วยให้มนุษย์มีความสะดวกสบายและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ช่วยส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพในการทำงานลดเวลาการดำเนินการต่าง ๆ ให้น้อยลงโดยการนำเทศโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ ทำให้มนุษย์มีเครื่องมือสื่อสารและระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัยใหม่สามารถติดต่อกันได้สะดวกรวดเร็วสอดคล้องกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

2551-09-14

การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวปิยฉัตร มาลาแก้ว
รหัส 4819118



คอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ทุกบ้านต้องมีไว้อำนวยความสะดวกก็ว่าได้ ด้วยในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้มีขนาดเล็กลง และ ราคาก็ไม่แพงนัก คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป ในหน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ก็มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงานขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้สูงขึ้น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ใชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เพราะคอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้รวดเร็ว คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ตลอดเวลา คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ถ้ามีการกำหนดโปรแกรมทำงานที่ถูกต้อง คอมพิวเตอร์สามารถทำงานแบบคนได้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย ในงานที่มีความเสี่ยงสูงในโรงงานอุตสาหกรรมได้ คอมพิวเตอร์ได้เข้าไปมีบทบาทในทุกส่วน ในสถานศึกษา ปัจจุบันตามสถานศึกษาต่างๆ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมากมาย รวมทั้งใช้คอมพิวเตอร์ในงานบริหารของโรงเรียน ในงานวิศวกรรม คอมพิวเตอร์สามารถจะทำงานในด้านวิศวกรรมได้ตั้งแต่ขั้นตอนการลอกเขียนแบบ จนกระทั่งถึงการออกแบบโครงสร้างของสถาปัตยกรรมต่างๆ คอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น เครื่องมือวิเคราะห์สารเคมี เครื่องมือการทดลองต่างๆ แม้กระทั่งการเดินทางของยานอวกาศต่างๆ คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากมาย มีความรวดเร็ว และถูกต้อง ทำให้สามารถได้ข้อมูลที่ช่วยให้สามารถตัดสินใจในการ ดำเนินธุรกิจ คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาใช้ในการเก็บประวัติของคนไข้ ควบคุมการรับ และจ่ายยา ตลอดจนยังอยู่ในอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ในวงราชการคอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้ในงานทะเบียนราษฎร์ ช่วยในการนับคะแนนการเลือกตั้ง

สื่อบันเทิงกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวธัณวรัฎฐ์ เศรษฐเสถียร
รหัส 4819128



ในปัจจุบันนี้หากจะกล่าวถึงการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันนั้น แทบจะกล่าวได้ว่ามนุษย์ทุกคนและทุกวัยต่างจะต้องมีความเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ดังจะเห็นได้จากการมีเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่มนุษย์เพิ่มมากขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้แก่ เครื่องดูดฝุ่น ไมรโครเวฟ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีอีกประเภทหนึ่งที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินหรือความบันเทิงให้แก่มนุษย์ หรืออาจเปรียบได้กับเป็นเครื่องที่ช่วยให้มนุษย์สามารถพักผ่อนหย่อนใจ หรือลดความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ การชมโทรทัศน์ ฟังเพลงจากเครื่องเล่น ฟังวิทยุ เล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เน็ท เป็นต้น ดังนั้น จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เราจึงเห็นได้ว่าสื่อบันเทิงต่างๆ ก็ยังเข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่าการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเพื่อความเพลิดเพลินนั้น ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์อีกประการหนึ่งด้วย


สื่อบันเทิงที่ส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้น ได้แก่ โทรทัศน์ ซึ่งเราสามารถกล่าวได้ว่า ไม่มีบ้านไหนหรือผู้ใดที่จะไม่รู้จักโทรทัศน์ เนื่องจากว่าโทรทัศน์เป็นเครื่องที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แก่มนุษย์ได้ เช่น การชมละคร หรือรายการต่างๆ ผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานหนักหรือผ่อนคลายความเครียดได้ นอกจากนี้โทรทัศน์ก็ยังช่วยให้ความรู้หรือให้ข่าวสารใหม่ๆ ที่ทันต่อสถานการณ์ของโลกแก่ผู้รับชมด้วย ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของโทรทัศน์ซึ่งถือเป็นการใช้เทคโนโลยีอย่างหนึ่ง ก็ยังมีความสัมพันธ์กับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แก่มนุษย์นั้น นอกจากจะมีโทรทัศน์แล้ว ก็ยังมีสิ่งบันเทิงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งคนที่มีฐานะยากจนก็สามารถมีไว้ครอบครองได้ หรือกล่าวได้ว่าจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มที่ชอบฟังเพลงเป็นส่วนใหญ่ นั่นก็คือ วิทยุและเครื่องเล่นเพลง เป็นต้น และจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ จึงส่งผลให้มีการพัฒนาเครื่องเล่นเพลงให้มีความทันสมัยมากขึ้น จากที่แต่เดิมสามารถเล่นได้เฉพาะเทป ก็ได้มีการพัฒนาจนสามารถเล่นกับแผ่นซีดีได้ และจากความเจริญก้าวหน้าของโลกในปัจจุบันนี้ที่มีมากขึ้น จึงทำให้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าทันต่อสถานการณ์ของโลกมากขึ้น ดังนั้น เราจึงจะเห็นได้ว่า เครื่องเล่นเพลงในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถพกพาไปในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ได้แก่ เครื่องเล่น mp3, I-POD เป็นต้น ส่วนวิทยุนั้น จากที่แต่เดิมสามารถรับฟังเพลงหรือรับฟังวิทยุจากคลื่นต่างๆ ได้เท่านั้น ปัจจุบันนี้วิทยุก็ได้มีการพัฒนาความสามารถในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เช่น มีนาฬิกาปลุกภายในตัวเครื่องวิทยุด้วย หรือจะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น mp3 ได้อีกด้วย ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้แก่มนุษย์เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนั้น เทคโนโลยีก็ไม่ได้มีความสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับเฉพาะในวัยผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับวัยเด็กและวัยรุ่นด้วย นั่นก็คือ การเล่นเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นจากเครื่อง Play Station หรือจะเป็นการเล่นเกมส์ออนไลน์ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ท ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ล้วนเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทั้งสิ้น และจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้มีการพัฒนาเครื่องเล่นเกมส์ที่มีความทันสมัยเพิ่มมากขึ้น มีขนาดกะทัดรัด สามารถพกพานำติดตัวไปได้ เช่น Game-Boy หรือ PSP เป็นต้น แต่จากการพัฒนาของเทคโนโลยีดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยรุ่นที่ในปัจจุบันนี้ต่างพากันติดเกมส์จนส่งผลกระทบต่อการเรียน รวมทั้งเกิดปัญหาสังคมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเด็กได้เลียนแบบพฤติกรรมในเกมส์ที่ตนเล่น เช่น ลักทรัพย์ การทำอนาจาร เป็นต้น นอกจากนี้ เครื่องเล่น mp3 หรือ I-POD นั้นก็ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ด้วย นั่นก็คือ ส่งผลต่อการรับฟังของมนุษย์ เนื่องจากว่าการฟังเพลงจากเครื่องเล่นเหล่านั้น จะส่งผลให้หูของมนุษย์ได้รับความกระทบกระเทือนจนอาจก่อให้เกิดโรคหูหนวกได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนั้น ก็ได้ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ด้วย


Nintendo DS

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสื่อบันเทิงกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์เสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวก็ได้มีการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า ทันสมัยกับความต้องการของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ ปัญหาของการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิดจึงส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ด้วย ดังนั้น ผู้ปกครองหรือสังคมก็ควรที่จะให้ความสำคัญต่อการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้มากขึ้นด้วย เพื่อเป็นการป้องกันผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในภายหลังได้

การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวชาลินี มากสาย
รหัส 4819100



ในยุคนี้คงจะไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าเทคโนโลยีไม่มีความจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เพราะทุกคนล้วนใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การตื่นนอนจนถึงการเข้านอน ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ชีวิตประจำวันมีแต่ความเร่งรีบต้องแข่งขันกับเวลา การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานแล้วยังช่วยย่นระยะเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้สั้นลง

แต่อย่างไรก็ตาม การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันก็เปรียบเสมือนดาบสองคม เพราะในบางครั้งก็นำโทษมาให้แก่มนุษย์ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างที่สามารถเห็นได้ชัดเจนก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ในเรื่องของการถูกลวงไปข่มขืน โดยสาเหตุหลัก ๆ ของการถูกล่อลวงไปข่มขืน ก็เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากการพูดคุยกันผ่านทางโปรแกรมการสนทนาออนไลน์(Chat) ที่เมื่อมีการพูดคุยกันก็มีการนัดมาเจอกันและเกิดเหตุการณ์การล่อลวงไปข่มขืน เพราะการพูดคุยผ่านการChat นี้เป็นการพูดคุยที่อิสรเสรี ผู้พูดสามารถที่จะพูดคุยอะไรออกไปก็ได้ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม และนอกจากนี้ก็ยังมีการนำเสนอเวปไซด์ที่เป็นเวปไซด์โป๊ หรือมีการนำเสนอสิ่งที่อนาจารลงในเวปไซด์ และทำให้เป็นการยั่วยุทางอารมณ์ของผู้เล่นจนนำมาสู่การกระทำอันผิดศีลธรรม และเกิดคดีความได้ และจากการที่สื่ออินเตอร์เน็ตเป็นสื่อเสรีไม่มีองค์กรใด ๆ เข้ามาควบคุมดูและจึงทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นช่องทางหนึ่งในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างกลุ่มคนที่ไม่หวังดี เช่น กลุ่มก่อการร้าย หรือ กลุ่มคนที่ต้องการก่ออาชญากรรม โดยกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน โดยอาจมีเวปไซด์เป็นกลุ่มของตนเอง หรือใช้การส่ง E-mail เป็นทอด ๆ ระหว่างกันและมีการแปลรหัสจากการส่ง E-mail โดยไม่มีใครสามารถที่จะล่วงรู้ได้ และในบางครั้งก็มีคนที่มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างดี คนเหล่านี้ก็นำความเก่งกาจของตนเองมาใช้ในทางที่ผิด เช่น การลักลอบขโมยข้อมูลในองค์กรต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ก่ออาชญากรรม เช่น ลักลอบค้นข้อมูลของบริษัทบัตรเครดิต หรือ ธนาคาร หรือข้อมูลบัชญีเงินฝากและATM เพื่อลักลอบนำเงินไปใช้ นอกจากนี้บางครั้งก็มีการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อปล่อยหรือสร้างข่าวที่มีความบิดเบือน เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน เช่น ในบางครั้งกลุ่มก่อการร้าย ก็อาจใช้สื่ออินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างข่าวบิดเบือน เพื่อจูงใจประชาชนให้มาเข้าร่วมในขบวนการและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก่อการร้าย


นอกจากนี้จากการที่มนุษย์เราพึ่งพาเทคโนโลยีมากจนเกินไป ก็ทำให้เกิดผลเสียแก่ตัวเราได้ด้วยเช่นกัน เพราะการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปจะทำให้คนเราเกิดความเคยชินจากการนำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวกในชีวิต จนทำให้บางครั้งเราก็ทำอะไรไม่เป็นไม่สามารถคิดอะไรได้เพราะมีเทคโนโลยีมาช่วย และอาจส่งผลให้ในอนาคตมนุษย์จะมีความสามารถลดน้อยลง และเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรต่าง ๆ ก็จะมีความสำคัญมากกว่ามนุษย์

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีมีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีที่ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องไม่ใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดที่จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทั้งตนเองและผู้อื่น และในขณะเดียวกันมนุษย์เราก็จะต้องหันกลับมาพึ่งพาตัวเองบ้าง และใช้เทคโนโลยีเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และในบางครั้งผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองก็ต้องเข้ามาดูแลเด็ก และให้คำแนะนำแก่เด็กด้วยเพื่อไม่ให้เด็กเหล่านี้เข้าไปเสพย์สื่อที่ผิดเบือนและผิดศีลธรรม

การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวปิยฉัตร มาลาแก้ว
รหัส 4819118




ในยุคปัจจุบัน เราเรียกว่าเป็นยุคที่เป็นการสื่อสารแบบไร้พรมแดน จะเห็นได้ว่ามีการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ในเครือข่ายสาธารณะที่เรียกว่า เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แทบทุกวันนี้อาจพูดได้ว่า คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักอินเตอร์เน็ตซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีบทบาทสำคัญ อินเทอร์เน็ตในอนาคตจะกลายเป็นการเชื่อมต่อโลกทั้งใบด้วยอุปกรณ์หลากชนิด เชื่อว่าโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์พกพาจะเป็นอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่นักท่องเน็ตใช้ออนไลน์ ในอีกสิบปีข้างหน้าอินเทอร์เน็ตจะพัฒนาเกินกว่าการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล และภาษาอังกฤษจะยังคงเป็นภาษากลางของอินเทอร์เน็ตต่อไป การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มโลกขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีลักษณะการกระจายแบบทุกทิศทาง และมีระบบตอบสนองอย่างรวดเร็ว และยังสื่อสารแบบสองทิศทาง ด้วยเหตุนี้ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมจึงแตกต่างจากในอดีตมาก ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารมีบทบาทมากขึ้น มีการใช้เครือข่าย เช่น อินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงการทำงานต่าง ๆ การดำเนินธุรกิจใช้สารสนเทศอย่างกว้างขวาง เกิดคำใหม่ว่า ไซเบอร์สเปซ มีการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในไซเบอร์สเปซ เช่น การพูดคุย การซื้อสินค้าและบริการ การทำงานผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดสภาพที่เสมือนจริงมากมาย เช่นห้องสมุดเสมือนจริง ห้องเรียนเสมือนจริง ที่ทำงานเสมือนจริง เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก ความเกี่ยวโยงของเครือข่ายสารสนเทศทำให้เกิดสังคมโลกาภิวัตน์ ระบบเศรษฐกิจซึ่งแต่เดิมมีขอบเขตจำกัดภายในประเทศ ก็กระจายเป็นเศรษฐกิจโลก ระบบเศรษฐกิจของโลกจึงผูกพันกับทุกประเทศ และเชื่อมโยงกันแนบแน่นขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีเดียวที่มีบทบาทที่สำคัญในทุกวงการ ดังนั้นจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองได้อย่างมาก ลองนึกดูว่าขณะนี้เราสามารถชมข่าว ชมรายการทีวี ที่ส่งกระจายผ่านดาวเทียมของประเทศต่าง ๆ ได้ทั่วโลก เราสามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันทีเราใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการสื่อสารระหว่างกัน และติดต่อกับคนได้ทั่วโลก จึงเป็นที่แน่ชัดว่าแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทาวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจึงมีลักษณะเป็นสังคมโลกมากขึ้น

2551-09-11

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการติดต่อสื่อสาร

เขียนโดย นางสาวธัณวรัฎฐ์ เศรษฐเสถียร
รหัส 4819128


หากจะกล่าวถึงความก้าวหน้าของโทรคมนาคมในปัจจุบันนี้แล้ว ย่อมกล่าวได้ว่า โทรคมนาคมได้มีการพัฒนาให้ทันสมัยหรือทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ก็เนื่องจากความเจริญก้าวหน้าของโลกที่ได้เปลี่ยนเป็นโลกแบบโลกาภิวัฒน์ จึงทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น หรือกล่าวได้ว่าเป็นโลกที่ไร้พรมแดน ดังนั้น ผู้คนทั่วโลกจึงสามารถทำการติดต่อสื่อสารกันได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งก่อให้เกิดความสัมพันธ์หรือความร่วมมือกันในระหว่างประเทศของแต่ละประเทศอีกด้วย

ความก้าวหน้าของโทรคมนาคมในปัจจุบันนี้ กล่าวได้ว่า เกิดขึ้นเพราะผลของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความทันสมัยขึ้น ดังนั้น จึงก่อให้เกิดเครื่องมือสื่อสารหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อกับผู้อื่นที่มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบันขึ้น เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งสามารถทำการติดต่อสื่อสารกับผู้รับสารได้ทั้งภายในและนอกประเทศ รวมทั้งยังสามารถทำการติดต่อสื่อสารได้ในทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย เพราะเครื่องมือสื่อสารดังกล่าวสามารถพกพาได้สะดวก ดังนั้น การติดต่อสื่อสารโดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงมีความรวดเร็วกว่าการติดต่อสื่อสารในรูปแบบอื่น นอกจากนี้ มนุษย์เราก็ยังสามารถทำการติดต่อสื่อสารโดยใช้อินเตอร์เน็ทเข้ามาเป็นตัวช่วยในการติดต่อสื่อสารได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ การติดต่อสื่อสารโดยใช้อินเตอร์เน็ทนั้น ก็จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆเข้ามาเสริมด้วย หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบของคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึง การใช้ความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์ในการติดต่อสื่อสารกับผู้รับสารจากทั้งในและนอกประเทศ โดยเราจะเห็นได้จากการ chat online โดยใช้โปรแกรมของอินเตอร์เน็ท เช่น msn, skype เป็นต้น และจากการติดต่อสื่อสารโดยใช้อินเตอร์เน็ทผ่านทางคอมพิวเตอร์นี้เอง ส่งผลให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารสามารถทำการพูดคุยหรือเจรจากันพร้อมทั้งเห็นหน้าตาของกันและกันได้ เสมือนเป็นการเจรจาพบปะกันอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความทันสมัยมากขึ้น แต่การติดต่อสื่อสารในรูปแบบดังกล่าว ก็จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆเข้ามาช่วยเสริมให้สามารถทำการติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกขึ้น เช่น การใช้ webcam หรือกล้องที่ใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะทำให้ผู้ส่งสารและผู้รับสารสามารถทำการติดต่อสื่อสารโดยเห็นหน้าของกันและกันได้ผ่านทาง webcam นอกจากนี้ การติดต่อสื่อสารโดยใช้คอมพิวเตอร์ ก็ยังสามารถทำให้ผู้ทำการติดต่อสื่อสารสามารถพูดคุยกันได้ เฉกเช่นเดียวกับการติดต่อสื่อสารโดยใช้โทรศัพท์ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมีการใช้ไมโครโฟนเข้ามาเป็นอุปกรณ์เสริมในการทำการติดต่อสื่อสารด้วยเช่นกัน และจากการใช้ไมโครโฟนในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์พร้อมทั้งใช้โปรแกรมทางอินเตอร์เน็ทเข้ามาช่วยเสริมนั้น ก็จะทำให้สามารถทำการติดต่อสื่อสารกันโดยสามารถพูดคุยเจรจาเสมือนกับการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ได้ ดังนั้น เราอาจจะเห็นได้ว่า การติดต่อสื่อสารโดยใช้คอมพิวเตอร์นั้น สามารถทำให้ผู้ทำการติดต่อสื่อสารระหว่างกันสามารถพูดคุยหรือเจรจาเสมือนการใช้โทรศัพท์ได้ แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นจะต้องกระทำผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ทด้วย นอกจากนี้ การติดต่อสื่อสารกันผ่านทางอินเตอร์เน็ทนั้นก็ยังมีข้อดีที่แตกต่างไปจากการใช้โทรศัพท์ นั่นก็คือ ทำให้ผู้ติดต่อสื่อสารระหว่างกันสามารถมองเห็นหน้าของกันและกันได้ ซึ่งถือเป็นการช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันนั้นเป็นไปได้อย่างสะดวกขึ้นด้วยเช่นกัน และจากการที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่ตลอดเวลา จึงส่งผลให้คอมพิวเตอร์มีการพัฒนาตามไปด้วย ดังนั้น จึงก่อให้เกิดคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ นอกเหนือไปจากคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเพียงอย่างเดียว เช่น คอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือที่รู้จักกันอย่างทั่วไปในวงกว้างว่า Notebook หรือ Laptop ซึ่งคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ก็ได้มีการพัฒนาความทันสมัยหรือระบบการทำงานให้สอดคล้องเข้ากับสถานการณ์ของโลกอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ก็เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่ผู้ใช้ นอกจากนี้ การใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพาก็ยังช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างสะดวกขึ้นมากกว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะอีกด้วย เนื่องจากว่าสามารถพกพานำติดตัวไปในที่ต่างๆได้ รวมไปถึงการที่ในปัจจุบันนี้ได้มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพาเป็นจำนวนมากขึ้น หรือกล่าวได้ว่าได้รับความนิยมมากกว่าการใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้บริษัทต่างๆ พากันแข่งขันพัฒนาระบบการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นหรือช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้มากขึ้นด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆของคอมพิวเตอร์แบบพกพามากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้จากการที่คอมพิวเตอร์แบบพกพาในปัจจุบันนี้ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ อยู่ภายในตัวเครื่องแล้ว เช่น ไมโครโฟน, webcam เป็นต้น นอกจากนี้ โปรแกรมต่างๆภายในคอมพิวเตอร์ก็ได้มีการพัฒนาให้เหมาะสมกับการทำงานของผู้ใช้เป็นส่วนใหญ่อีกด้วย รวมไปถึงได้มีการพัฒนาความเร็วในการเชื่อมโยงเครือข่ายอินเตอร์เน็ทให้เร็วยิ่งขึ้นด้วย


webcam




computer microphone


ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ และยิ่งในยุคของโลกาภิวัฒน์ซึ่งเป็นยุคที่โลกไร้พรมแดน สามารถทำการติดต่อกันได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะในด้านเศรษฐกิจ การเมือง รวมไปถึงด้านวัฒนธรรม จึงส่งผลให้เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันด้วย และนอกจากประโยชน์ในด้านการติดต่อสื่อสารแล้ว เทคโนโลยีสารสนเทศก็ยังมีความสำคัญต่อการทำงานของหน่วยงานหรือบริษัทบางบริษัทที่จะต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานอีกด้วย นอกจากนี้ ยังอาจรวมถึงประชาชนโดยทั่วไปที่จะต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก หรือวัยผู้ใหญ่ เช่น เด็กก็ใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์งานหรือว่าเล่นเกมส์ เป็นต้น ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศกับการใช้ชีวิตประจำวันในปัจจุบันนี้นั้นไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย หรือกล่าวได้ว่ามีความเป็นไปได้ยากที่การใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเลย หรือถ้ามีก็อาจจะเป็นเพียงส่วนน้อย ดังนั้น การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศจึงต้องมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา

2551-09-10

การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวชาลินี มากสาย
รหัส 4819100


ตู้เย็น


โทรทัศน์จอ LCD

จากการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันทำให้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการผลิตเครื่องมือสื่อสารที่มีความทันสมัยเท่านั้น เพราะได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเครื่องใช้อื่น ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ และยังได้นำเอาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาพัฒนาอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ให้มีความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงานที่มากขึ้น และมีขนาดเล็กลง ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าได้มีการนำเทคโนโลยีขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงที่เรียกว่า “นาโนเทคโนโลยี” เข้ามาใช้ในการผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เย็น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์หรือเครื่องใช้อื่น ๆ ก็ได้มีการนำเทคโนโลยีนาโนมาใช้เช่นกัน นอกจากนี้ในทางการแพทย์ก็ได้นำเอานาโนเทคโนโลยีมาใช้เป็นประโยชน์ในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยด้วย



เครื่องมือทางการแพทย์

ในชีวิตของมนุษย์ทุกคนคงจะไม่อาจหลีกหนีไปจากการเจ็บไข้ได้ป่วยจากโรคต่าง ๆ ได้ โรคภัยไข้เจ็บบางโรคก็สามารถรักษาได้ง่ายเพียงแค่ทานยารักษาโรคก็หาย แต่บางโรคก็จำเป็นต้องเวลายาวนานในการรักษาและต้องอาศัยเครื่องมือเฉพาะทางการแพทย์เข้ามาช่วยในการรักษา ในปัจจุบันจึงได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาผลิตเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์และรักษาอาการของผู้ป่วย จะเห็นได้ว่าในการรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยสามารถทำได้ง่ายขึ้น แพทย์สามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาวิเคราะห์อาการผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องแม่นยำและตรงจุด และสามารถที่จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามารักษาผู้ป่วยได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และผู้ป่วยเองก็รู้สึกผ่อนคลายจากการรักษา เพราะเครื่องมือทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าการรักษาโรคทำได้ง่ายและไม่น่ากลัวอย่างที่เป็นมาก่อน เช่น การผ่าตัดในช่องท้อง ในอดีตแพทย์จะใช้มีด กรรไกร หรืออุปกรณ์ผ่าตัดอื่น ๆ กรีดลงไปจากบริเวณท้องของผู้ป่วย การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดแบบเดิมนี้ก็จะทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่ ผู้ป่วยต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวเป็นเวลานาน และบางคนเกิดการกังวลในวิธีการรักษา แต่การนำเอาเครื่องมือแพทย์สมัยใหม่ที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็ได้ทำให้การรักษาผู้ป่วยทำได้ง่ายขึ้น การผ่าตัดในช่องท้องหรืออวัยวะภายในร่างกายสามารถทำได้ง่ายขึ้น โดยการใช้กล้องส่องเข้าไป และแพทย์ก็จะทำการผ่าตัดโดยดูผ่านภาพที่ปรากฏขึ้นทางจอคอมพิวเตอร์ วิธีการเช่นนี้ทำให้การผ่าตัดใช้ระยะเวลาสั้นลง ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นตัว และเกิดแผลขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ผู้ป่วยสามารถที่จะคลายความกังวลจากการรักษาโรคได้มากขึ้น นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการตรวจรักษาผู้ป่วยโดยอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า

จะเห็นได้ว่าความก้าวหน้าและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของการพัฒนาอุปกรณ์การสื่อสารและสารสนเทศเท่านั้น แต่เทคโนโลยียังถูกนำมาใช้ผลิตสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์และยังได้มีการลดขนาดสิ่งต่าง ๆ ให้เล็กกะทัดรัด สามารถพกพาได้สะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น แม้กระทั่งในวงการแพทย์ก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจรักษาผู้ป่วยเช่นกัน การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในวงการแพทย์นั้นส่งผลให้มนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น จะเห็นได้เลยว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วมีประชากรที่อยู่ในวัยชราจำนวนมากขึ้น สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเรามีอายุยืนยาวขึ้นก็เป็นเพราะการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษา และการรักษาด้วยเครื่องมือการแพทย์สมัยใหม่นี้ก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้ก็ยังมีโปรแกรมที่ช่วยในการวิเคราะห์และแนะนำผู้ป่วยในการทานอาหารและการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และเมื่อผู้บริโภคทำตามคำแนะนำ และเข้ามาตรวจรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็จะช่วยมีสุขภาพที่ดี มีร่างกายที่แข็งแรง ส่งผลให้สามารถดำรงชีวิตได้ยืนยาวมากขึ้น

การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวปิยฉัตร มาลาแก้ว
รหัส 4819118





ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เนื่องจากโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มนุษย์ต้องแสวงหาสิ่งที่จะมาอำนวยความสะดวกเพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการกระจายข้อมูลข่าวสารมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน มีเสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทำให้มีการกระจายโอกาสการเรียนรู้ไปยังที่ห่างไกล นอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่ใช้ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร มีการใช้สารสนเทศกับการเรียนการสอนโดยนำเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องมือช่วยประกอบการเรียนรู้ ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวมข้อมูล ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม มีการใช้ระบบป้องกันภัย มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญของชีวิตและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว

2551-09-08

การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวธัณวรัฎฐ์ เศรษฐเสถียร
รหัส 4819128



ในปัจจุบันนี้หากเราจะกล่าวถึงเรื่องของเทคโนโลยีนั้น อาจกล่าวได้ว่าไม่มีสิ่งใดหรือไม่มีมนุษย์ผู้ใดที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยี แต่จะมีการใช้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าในชีวิตประจำวันของมนุษย์เรานั้นจะต้องมีการใช้ประโยชน์หรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา

การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันนั้น จะเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแต่ละวันนั่นก็คือ การตื่นนอน ซึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่จะตื่นนอนได้จากการตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ และจากการใช้นาฬิกาปลุกนี้ก็ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีชนิดหนึ่ง ต่อจากนั้นมนุษย์เราก็จะทำภารกิจส่วนตัวให้เสร็จก่อนที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งก็จะต้องมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น การใช้ไมโครเวฟในการทำอาหาร การใช้เครื่องทำน้ำอุ่นในการชำระร่างกาย เป็นต้น โดยสิ่งต่างๆเหล่านี้ต่างก็ล้วนเป็นการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีทั้งสิ้น นอกจากนี้ การที่เราต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เราก็ต้องใช้ยานพาหนะในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะส่วนตัวหรือสาธารณะซึ่งต่างก็ล้วนเป็นการใช้เทคโนโลยีทั้งสิ้น และยิ่งในปัจจุบันนี้ปริมาณการใช้ยานพาหนะส่วนตัวในการเดินทางก็เพิ่มมากขึ้นประกอบกับเชื้อเพลิงของมันซึ่งก็คือ น้ำมัน ก็มีราคาสูงขึ้น จึงส่งผลให้มีการพัฒนายานพาหนะต่างๆให้สามารถรองรับเชื้อเพลิงชนิดอื่นที่ช่วยลดต้นทุนของผู้ใช้เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือได้ประสิทธิภาพอย่างแท้จริง และสำหรับยานพาหนะสาธารณะนั้น ได้แก่ รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน รถโดยสาร เป็นต้น ซึ่งการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดินนี้ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น โดยช่วยทำให้ผู้โดยสารสามารถไปถึงที่หมายปลายทางได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์กับผู้โดยสารเป็นอย่างมาก และจากการที่มีการให้บริการรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดินนั้น ก็ส่งผลให้เกิดเครื่องจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้าขึ้น เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในการให้บริการจำหน่ายตั๋ว และสิ่งนี้เองก็ถือเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก หรือให้บริการแก่ผู้ใช้ได้อย่างทั่วถึง

BTS

เครื่องจำหน่ายตั๋ว BTS

นอกจากนั้น การทำกิจกรรมภายในบ้านก็ยังมีการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีอีกด้วย โดยเฉพาะการให้ความเพลิดเพลินแก่ตนเอง เช่นการดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุหรือซีดีเพลงจากเครื่องเล่นซีดี การเล่นเกมส์Play Station รวมไปถึงการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเล่นInternet, Game Online และ Chat Online อีกด้วย โดยสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ต่างก็ล้วนเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทั้งสิ้น และอีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ในปัจจุบันนี้นั่นก็คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Phone) ซึ่งอาจเปรียบได้ว่าเป็นอวัยวะอีกชิ้นหนึ่งของร่างกายมนุษย์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากว่าในปัจจุบันนี้เกือบจะไม่มีมนุษย์ผู้ใดที่จะไม่มีหรือไม่รู้จักโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือถ้ามีก็จะเป็นเพียงส่วนน้อย ด้วยเหตุนี้ โทรศัพท์เคลื่อนที่จึงอาจเปรียบเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกายมนุษย์เลยก็ว่าได้

ดังนั้นเราจึงกล่าวได้ว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันในด้านเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ หรือความเป็นอยู่ พวกเขาเหล่านี้ต่างก็ต้องใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ตนเอง หรือเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนั้นก็มิได้มีแต่ผลดีเสมอไป ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีมากเกินไปก็มีด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้ใช้จึงต้องใช้วิจารณญาณของตนในการไตร่ตรองเองด้วย และถ้าหากเป็นเด็ก ผู้ปกครองก็ควรให้คำแนะนำเพื่อที่จะเป็นการป้องกันการเกิดผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีมากเกินไปอีกด้วย

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวเจนธิดา พานิชพันธ์
รหัส 4819099



โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบันคงไม่มีใครปฏิเสธ ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)หรือที่เรียกว่าITได้ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นการสื่อสารข้อมูลเป็นไปด้วย ความรวดเร็วและเชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงและกว้างขวาง(Globalization) เทคโนโลยีทางด้านการสื่อสาร(Communication)และคอมพิวเตอร์(Computer) ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อแลกเปลี่ยนสารสนเทศ (Information) ที่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดเครือข่ายข้อมูลครอบคลุมทั่วโลกหรือWWW(Worldwide Web)ที่เราเห็นได้จากการใช้งานในระบบอินเตอร์เน็ต(Internet)ซึ่งได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ประจำวันไปแล้วและกำลังขยายปริมาณจำนวนผู้ใช้มากขึ้นๆ

ในทุกวันมีการใช้Internetในการสืบค้นข้อมูลความรู้ทั่วไปการติดต่อ สื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ เช่นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail), การพูดคุย (Chat) หรือ การใช้ Video conference เป็นต้น การทำธุรกิจการค้า(e-commerce)การใช้เพื่อการบันเทิงต่างๆ เป็นการดูหนัง,ฟังเพลง,การอ่านนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์(e-Magazine) รวมทั้งe-Bookที่อาจมาแทนที่กระดาษโนอนาคตอันใกล้ ในปัจจุบันนี้ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอาจส่งผลกระทบได้ทั้งทางบวกและทางลบ กล่าวคือ ผลกระทบทางบวกนั้นได้แก่ ในด้านการดำเนินชีวิตประจำวันนั้นเทคโนโลยีช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ช่วยทำให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีขึ้น ช่วยส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้มนุษย์มีเวลาว่างเพื่อใช้ในในทางที่เกิดประโยชน์มากขึ้น มีเครื่องมือสื่อสาร โทรคมนาคมที่ทันสมัยใหม่ ให้ติดต่อกันได้สะดวกรวดเร็ว และยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกอีกหลายๆ อย่าง แม้แต่ในภาคหน่วยงานราชการก็ยังมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ เช่น สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครองได้นำยุทธศาสตร์ e-Government มาใช้ในการเก็บข้อมูลทะเบียนราษฎร์หกสิบหกล้านระเบียน, บันทึกทะเบียนเกิด ทะเบียนแต่งงาน ทะเบียนหย่า ทะเบียนปืน, บันทึก ตรวจสอบการย้ายเข้า-ออก การเปลี่ยนชื่อ-สกุล, อำนวยความสะดวกในการจัดทำบัตรประชาชน กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้ใช้เทคโนโลยีในการบันทึกราคาสินค้าในจังหวัดต่าง ๆ เป็นประจำ, ส่งข้อมูลราคาสินค้าจากจังหวัดเข้าสู่กรมฯ, คำนวณสถิติราคาสินค้าและดัชนีค่าครองชีพ, จัดทำฐานข้อมูลราคาสินค้าต่าง ๆ หรือแม้แต่ในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาก็ยังนำเทคโนโลยีมาใช้ในการลงทะเบียนวิชาเรียนและเก็บค่าหน่วยกิต, ตรวจข้อสอบและคิดระดับคะแนน, บันทึกข้อมูลและจัดทำฐานข้อมูลนักศึกษา, บันทึกข้อมูลหนังสือ และ การยืมคืน, จัดทำบัญชี และ รายงานเกี่ยวกับการศึกษา ส่วนโรงพยาบาลได้นำมาใช้ในการบันทึกและค้นหาเวชระเบียนผู้ป่วย, จัดทำฐานข้อมูลยาและเวชภัณฑ์, คิดเงินค่ายาและจัดทำบัญชีต่าง ๆ , จัดทำสถิติผู้ป่วยและพิมพ์รายงานส่งกระทรวง, ใช้อุปกรณ์การแพทย์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ในภาคธุรกิจก็นำมาใช้เช่นเดียวกัน ได้แก่ ธนาคารมีการใช้ระบบฝากถอนเงินทุกประเภท ระบบ ATM, ระบบตรวจสอบสินเชื่อ, OFFICE BANKING & HOME BANKING งานค้าปลีกมีการใช้ระบบซื้อสินค้ามาขาย, ระบบสินค้าคงคลังและการจัดทำรหัสแท่ง(Bar Code), ระบบเก็บเงินลูกค้า, ระบบบัญชี, ระบบบัตรเครดิต โรงแรมนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจองห้องพักแบบต่าง ๆ, การลงทะเบียนเข้าพัก, การคิดเงินค่าห้องพักและบริการต่าง ๆ , การจัดทำบัญชีต่าง ๆ , การให้บริการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต ในภาคอุตสาหกรรมมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยระบบ Computer Aided Design, ตรวจสอบแบบผลิตภัณฑ์โดยอัตโนมัติ, จัดทำโปรแกรมควบคุมเครื่องจักรการผลิต, บันทึกระบบวัตถุดิบและสินค้าคงคลัง, ระบบ Computer Integrated Manufacturing เป็นต้น อย่างไรก็ตามการนำเทคโนโลยีมาใช้ก็อาจส่งผลกระทบทางลบได้เช่นเดียวกัน กล่าวคือ เทคโนโลยีสามารถนำมาใช้ในการอาชญากรรมได้ โจรผู้ร้ายใช้เทคโนโลยีในการวางแผนปล้น ลักลอบข้อมมูล ฯลฯ , การใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสาร โดยไม่ต้องเห็นตัว ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดน้อยเสื่อมถอยลง, ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความวิตกกังวลว่าอาจจะต้องตกงานเพราะโรงงานส่วนมากจะใช้เครื่องจักรแทนคนงานมากขึ้น ซึ่งความคิดเหล่านี้จะเกิดกับคนบางกลุ่มเท่านั้น, เกิดการพัฒนาอาวุธมากขึ้นสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างเป็นอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง ทำเสี่ยงต่อการเกิดสงคราม ฯลฯ เป็นต้น

ดังนั้นจะเห็นว่าเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นเป็นสิ่งที่ยังคงเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ตราบใดที่เรายังต้องพึ่งเทคโนโลยีอยู่ แต่ผลกระทบต่อมนุษย์ที่จะเกิดแก่มนุษย์นั้นจะร้าย ดี มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับมนุษย์ซึ่งเป็นผู้ประดิษฐ์ คิด ทำ และนำเทคโนโลยีสารสารเทศมาใช้นั่นเอง

การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวชาลินี มากสาย
รหัส 4819100





ในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้ชีวิตของมนุษย์ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เสมอ และในบางครั้งคนเราก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไปว่ากำลังใช้และพึ่งพาเทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของเราในปัจจุบันล้วนได้รับการพัฒนามาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจนนำมาผลิตเป็นสิ่งของเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์มากมาย และเราได้ใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันจนเกิดความเคยชิน การใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันได้มีการใช้เทคโนโลยีตั้งแต่เริ่มตื่นนอนเพราะในการตื่นนอนก็จะต้องใช้นาฬิกาปลุกหรือมือถือตั้งปลุก มาถึงในเรื่องการรับประทานอาหารก็ต้องใช้ไมโครเวฟในการทำอาหาร ไม่ว่าจะซักผ้าหรือทำความสะอาดบ้าน หรือทำอะไรก็ตามมนุษย์เราก็มักจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและพึ่งพิงเทคโนโลยีอยู่เสมอ การใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ที่เห็นได้ชัดเจนก็คงจะหนีไม่พ้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันโดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ ในยุคนี้คงยากที่จะปฏิเสธได้ว่าโทรศัพท์มือถือไม่มีความจำเป็นสำหรับมนุษย์ เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็ใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสาร ไม่ว่าจะไปไหนทุกคนก็จะต้องนำมือถือติดตัวไปด้วยตลอดเวลา โทรศัพท์มือถือในสมัยนี้มีความสามารถมากกว่าการรับสายและโทรออก เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าได้รวมเอากิจกรรมความบันเทิงทุกอย่างเข้ามาโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง เล่นเกมส์ ท่องอินเทอร์เน็ต ดูทีวี ถ่ายรูป ก็สามารถทำได้ผ่านโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การพกพาโทรศัพท์มือถือได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือคนชราทั้งในเมืองและในชนบทก็ล้วนมีโทรศัพท์มือถือกันแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ทก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในโปรแกรมต่าง ๆ ที่ช่วยในการทำงาน การหาข้อมูลและความบันเทิงจากอินเตอร์เน็ท การรับ-ส่ง E-mail การสนทนาออนไลน์ การเล่นเกมส์ออนไลน์ หรือแม้กระทั่งการรับข้อมูลข่าวสารผ่านคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ทก็สามารถอำนวยความสะดวกในเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของมนุษย์ให้เป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเวลาไหนเราก็จะสามารถที่จะหาข้อมูลและข่าวสารที่เกิดขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ทก็ยังถูกนำมาใช้ในเรื่องการค้าและพาณิชย์ด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้การใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ในแต่ละวันล้วนต้องใช้และพึ่งพาเทคโนโลยีตลอดเวลา ไม่ว่าจะดำเนินกิจกรรมใด ๆ ก็ตามก็มักจะมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง และเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ก็ยังสามารถที่จะเชื่อมต่อกันได้จึงทำให้เราสามารถที่จะติดต่อกับบุคคลอื่น ๆ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา อย่างไรก็ตามในการใช้เทคโนโลยีนั้นเราก็ควรใช้เทคโนโลยีในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเรามากที่สุด ไม่ควรใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด และในบางครั้งมนุษย์เราก็ควรหันมาทำอะไรด้วยตนเองโดยไม่พึ่งพิงเทคโนโลยีบ้างเพื่อให้เราได้รู้จักใช้สมองและร่างกายของเราฝึกทำอะไรด้วยตนเองก่อนที่มนุษย์เราจะต้องตกเป็นทาสของเทคโนโลยี