<<< We ArE .. .*MVP* >>>

2551-09-17

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวเจนธิดา พานิชพันธ์
รหัส 4819099


ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา


ในปัจจุบันเทคโนโลยีดูจะเป็นสิ่งจำเป็น ในชีวิตประจำวันของชาวโลกาภิวัตน์ไปแล้ว และด้วยความสะดวกสบายนี้เอง จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้แบบอิเล็กทรอนิกส์ ต่างหากลยุทธ์ผลิตสินค้าใช้สะดวก เพื่อตอบสนองความอยากสบายออกมาให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม เราควรคำนึงถึงว่าสิ่งไหนที่ให้ที่เอื้อความสะดวกสบายให้กับเรามาก สิ่งนั้นก็ย่อมจะมีพิษภัยตามมาด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในชีวิตประจำวันหรือแม้แต่การทำงาน ผู้ที่ทำงานออฟฟิศ บ่อยครั้งที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละไม่ต่ำกว่า 6-8 ชม. จึงมีข้อสันนิษฐานว่า พบว่า มีผู้ที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ถึงกับ “ช็อก” มาแล้ว สาเหตุมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่รังสีออกมาบางคนก็ประสาทตาเสีย มีอาการปวดศีรษะปวดตา อาเจียน เพราะโมเลกุลในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดภาวะแรงตังผิวเพิ่มขึ้นมากหรืออาจร้ายแรงถึงขั้นสามารถเป็นมะเร็งในเม็ดโลหิต มะเร็งสมอง มะเร็งทรวงอก เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีอันตรายจากอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือสามารถแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาได้ และเป็นรังสีชนิดเดียวกับเตาไมโครเวฟ ซึ่งเป็นคลื่นความร้อนทำลายเซลล์ดีหลายชนิด เพียงแต่มีปริมาณรังสีที่น้อยกว่าเตาไมโครเวฟ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ภายในบ้านเรือนอื่น ๆ ที่มีคลื่นแม่เหล็ก เช่นการใช้เครื่องเป่าผม คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เตาไมโครเวฟและการอาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่มีสายไฟฟ้าแรงสูง จะทำให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันได้ในที่สุด



จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นๆสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้การเพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงรู้จักใช้อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างชาญฉลาด จะช่วยให้เราได้รับความปลอดภัยและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างสูงสุด

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวเจนธิดา พานิชพันธ์
รหัส 4819099


โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะมีขนาดเล็กลงและหมุนเร็วขึ้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะคอยใคร ด้วยพลังขับเคลื่อนของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ที่ไม่มีระยะทางและเวลาเป็นตัวกำหนด การแข่ง ขันมีมากขึ้น ประเทศที่เข้มแข็งและมีความสามารถทางปัญญาเท่านั้นที่จะอยู่รอด สำหรับโลกใบนี้ เราจำเป็นต้องก้าวให้เร็วและเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความเร็วของตนเอง และเอาชนะความเร็วของกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก หรืออย่างน้อยก็ไปพร้อมกับความเร็วที่เคลื่อนไป


e-Government เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 โดยประมวลภาพจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 พ.ศ. 2545-2549 กับ กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2544-2553 หรือ IT 2010 เพื่อให้สอดคล้องและสามารถนำไปสู่ภาคปฏิบัติ ในระยะ 5 ปี โดยมีเป้าหมายปี 2545-2547 ระบบสารสนเทศภายในหน่วยงาน (Back Offices) ระดับกรมต้องเสร็จสิ้น และหลังปี 2547 ระบบบริการประชาชน (Front Offices) ควรจะเชื่อมโยงเครือข่ายและให้บริการประชาชนได้ หลายหน่วยงานได้ปรับระบบบริการที่ดีขึ้น จากที่เราท่านได้สัมผัสถึงแม้หลายหน่วยงานยังไม่สามารถเดินไปตามแผนด้วยปัจจัยที่ยังไม่เอื้ออำนวยก็ตาม แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี นอกจากนี้e-Government เป็นยุทธศาสตร์ในการก้าวไปสู่การพัฒนาประเทศโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่จะให้บรรลุผล ถ้าจะแปลกันตรงตัวก็คือ ”รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์” เพราะ “e” ย่อมาจาก electronic เป็นการนำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ มาปฏิรูประบบงานภาครัฐ เพื่อพัฒนาระบบบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ สนองความต้องการของประชาชน และการปรับปรุงคุณภาพชีวิต ให้เป็นสังคมดิจิตอล (Digital Society) ที่ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ท่านลองคิดดูว่าเมื่อบัตรประชาชนหมดอายุ ท่านต้องเดินทางไปที่อำเภอตามภูมิลำเนาเดิมเพื่อทำบัตรใหม่ ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ถ้าระบบเครือข่ายฐานข้อมูลสมบูรณ์ ท่านสามารถทำบัตรได้จากทุกที่ทำการทั่วประเทศ ตัวอย่างถัดไป ถ้าท่านจะประ กอบธุรกิจ ระบบเครือข่ายสารสนเทศสามารถตอบสนองท่านได้ ว่ามีกี่ขั้นตอน ลำดับขั้นการติดต่อ ว่าท่านจะ ต้องติดต่อขออนุมัติจากหน่วยงานใดบ้าง แหล่งวัตถุดิบจากที่ไหน ตลาดที่รองรับ แหล่งการเงินจากที่ใด กฎหมายที่เกี่ยวข้องและระบบภาษี เป็นอย่างไร ท่านสามารถใช้ระบบจากเครือข่ายที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลของแต่ละหน่วยงานโดยมี e-Government เป็นศูนย์กลางและอำนวยความสะดวก เพื่อทำธุรกรรมจากเครื่องคอมพิว เตอร์ ได้ทันทีจากจุดเดียวหรือที่เรียกกันว่า One stop services เป็นต้น

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมากในการช่วยให้มนุษย์มีความสะดวกสบายและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ช่วยส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพในการทำงานลดเวลาการดำเนินการต่าง ๆ ให้น้อยลงโดยการนำเทศโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ ทำให้มนุษย์มีเครื่องมือสื่อสารและระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัยใหม่สามารถติดต่อกันได้สะดวกรวดเร็วสอดคล้องกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

2551-09-14

การใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวปิยฉัตร มาลาแก้ว
รหัส 4819118



คอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ทุกบ้านต้องมีไว้อำนวยความสะดวกก็ว่าได้ ด้วยในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้มีขนาดเล็กลง และ ราคาก็ไม่แพงนัก คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป ในหน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ก็มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงานขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้สูงขึ้น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ใชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เพราะคอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้รวดเร็ว คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ตลอดเวลา คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ถ้ามีการกำหนดโปรแกรมทำงานที่ถูกต้อง คอมพิวเตอร์สามารถทำงานแบบคนได้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย ในงานที่มีความเสี่ยงสูงในโรงงานอุตสาหกรรมได้ คอมพิวเตอร์ได้เข้าไปมีบทบาทในทุกส่วน ในสถานศึกษา ปัจจุบันตามสถานศึกษาต่างๆ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมากมาย รวมทั้งใช้คอมพิวเตอร์ในงานบริหารของโรงเรียน ในงานวิศวกรรม คอมพิวเตอร์สามารถจะทำงานในด้านวิศวกรรมได้ตั้งแต่ขั้นตอนการลอกเขียนแบบ จนกระทั่งถึงการออกแบบโครงสร้างของสถาปัตยกรรมต่างๆ คอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น เครื่องมือวิเคราะห์สารเคมี เครื่องมือการทดลองต่างๆ แม้กระทั่งการเดินทางของยานอวกาศต่างๆ คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากมาย มีความรวดเร็ว และถูกต้อง ทำให้สามารถได้ข้อมูลที่ช่วยให้สามารถตัดสินใจในการ ดำเนินธุรกิจ คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาใช้ในการเก็บประวัติของคนไข้ ควบคุมการรับ และจ่ายยา ตลอดจนยังอยู่ในอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ในวงราชการคอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้ในงานทะเบียนราษฎร์ ช่วยในการนับคะแนนการเลือกตั้ง

สื่อบันเทิงกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

เขียนโดย นางสาวธัณวรัฎฐ์ เศรษฐเสถียร
รหัส 4819128



ในปัจจุบันนี้หากจะกล่าวถึงการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันนั้น แทบจะกล่าวได้ว่ามนุษย์ทุกคนและทุกวัยต่างจะต้องมีความเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ดังจะเห็นได้จากการมีเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่มนุษย์เพิ่มมากขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้แก่ เครื่องดูดฝุ่น ไมรโครเวฟ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีอีกประเภทหนึ่งที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินหรือความบันเทิงให้แก่มนุษย์ หรืออาจเปรียบได้กับเป็นเครื่องที่ช่วยให้มนุษย์สามารถพักผ่อนหย่อนใจ หรือลดความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ การชมโทรทัศน์ ฟังเพลงจากเครื่องเล่น ฟังวิทยุ เล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เน็ท เป็นต้น ดังนั้น จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เราจึงเห็นได้ว่าสื่อบันเทิงต่างๆ ก็ยังเข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่าการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเพื่อความเพลิดเพลินนั้น ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์อีกประการหนึ่งด้วย


สื่อบันเทิงที่ส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้น ได้แก่ โทรทัศน์ ซึ่งเราสามารถกล่าวได้ว่า ไม่มีบ้านไหนหรือผู้ใดที่จะไม่รู้จักโทรทัศน์ เนื่องจากว่าโทรทัศน์เป็นเครื่องที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แก่มนุษย์ได้ เช่น การชมละคร หรือรายการต่างๆ ผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานหนักหรือผ่อนคลายความเครียดได้ นอกจากนี้โทรทัศน์ก็ยังช่วยให้ความรู้หรือให้ข่าวสารใหม่ๆ ที่ทันต่อสถานการณ์ของโลกแก่ผู้รับชมด้วย ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของโทรทัศน์ซึ่งถือเป็นการใช้เทคโนโลยีอย่างหนึ่ง ก็ยังมีความสัมพันธ์กับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แก่มนุษย์นั้น นอกจากจะมีโทรทัศน์แล้ว ก็ยังมีสิ่งบันเทิงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งคนที่มีฐานะยากจนก็สามารถมีไว้ครอบครองได้ หรือกล่าวได้ว่าจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มที่ชอบฟังเพลงเป็นส่วนใหญ่ นั่นก็คือ วิทยุและเครื่องเล่นเพลง เป็นต้น และจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ จึงส่งผลให้มีการพัฒนาเครื่องเล่นเพลงให้มีความทันสมัยมากขึ้น จากที่แต่เดิมสามารถเล่นได้เฉพาะเทป ก็ได้มีการพัฒนาจนสามารถเล่นกับแผ่นซีดีได้ และจากความเจริญก้าวหน้าของโลกในปัจจุบันนี้ที่มีมากขึ้น จึงทำให้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าทันต่อสถานการณ์ของโลกมากขึ้น ดังนั้น เราจึงจะเห็นได้ว่า เครื่องเล่นเพลงในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถพกพาไปในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ได้แก่ เครื่องเล่น mp3, I-POD เป็นต้น ส่วนวิทยุนั้น จากที่แต่เดิมสามารถรับฟังเพลงหรือรับฟังวิทยุจากคลื่นต่างๆ ได้เท่านั้น ปัจจุบันนี้วิทยุก็ได้มีการพัฒนาความสามารถในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เช่น มีนาฬิกาปลุกภายในตัวเครื่องวิทยุด้วย หรือจะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น mp3 ได้อีกด้วย ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้แก่มนุษย์เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนั้น เทคโนโลยีก็ไม่ได้มีความสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับเฉพาะในวัยผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับวัยเด็กและวัยรุ่นด้วย นั่นก็คือ การเล่นเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นจากเครื่อง Play Station หรือจะเป็นการเล่นเกมส์ออนไลน์ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ท ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ล้วนเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทั้งสิ้น และจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้มีการพัฒนาเครื่องเล่นเกมส์ที่มีความทันสมัยเพิ่มมากขึ้น มีขนาดกะทัดรัด สามารถพกพานำติดตัวไปได้ เช่น Game-Boy หรือ PSP เป็นต้น แต่จากการพัฒนาของเทคโนโลยีดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยรุ่นที่ในปัจจุบันนี้ต่างพากันติดเกมส์จนส่งผลกระทบต่อการเรียน รวมทั้งเกิดปัญหาสังคมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเด็กได้เลียนแบบพฤติกรรมในเกมส์ที่ตนเล่น เช่น ลักทรัพย์ การทำอนาจาร เป็นต้น นอกจากนี้ เครื่องเล่น mp3 หรือ I-POD นั้นก็ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ด้วย นั่นก็คือ ส่งผลต่อการรับฟังของมนุษย์ เนื่องจากว่าการฟังเพลงจากเครื่องเล่นเหล่านั้น จะส่งผลให้หูของมนุษย์ได้รับความกระทบกระเทือนจนอาจก่อให้เกิดโรคหูหนวกได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนั้น ก็ได้ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ด้วย


Nintendo DS

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสื่อบันเทิงกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์เสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวก็ได้มีการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า ทันสมัยกับความต้องการของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ ปัญหาของการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิดจึงส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ด้วย ดังนั้น ผู้ปกครองหรือสังคมก็ควรที่จะให้ความสำคัญต่อการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้มากขึ้นด้วย เพื่อเป็นการป้องกันผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในภายหลังได้